โค้ชทีมชาติไทย ใครบ้างที่ประสบความสำเร็จ

โค้ชทีมชาติไทย ใครบ้างที่ประสบความสำเร็จ

วงการฟุตบอลไทยอาจไม่ใช่เรื่องที่ประสบความสำเร็จมากนักในระดับโลก แต่แฟนบอลชาวไทยก็คอยเอาใจช่วยอยู่ตลอดเวลา เพื่อหวังว่าซักวันหนึ่งบอลไทยเราจะได้ไปบอลโลกกันเสียที วันนี้เราจึงอยากพาไปรู้จักกับคนที่ประสบความสำเร็จในการเป็นโค้ชทีมชาติไทย ที่มอบความหวังและพาทีมชาติไทยเข้าใกล้เป้าหมายมากที่สุด

เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

ไม่มีใครแฟนบอลคนไหนที่จะไม่รู้จักกับ “ซิโก้” ที่เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลไทย และอดีตนักฟุตบอลที่เล่นระหว่าง พ.ศ.2532 และตุลาคม พ.ศ.2550 ในระหว่างช่วงอายุสิบแปดเขาเล่นเป็นกองหน้าและทำประตูได้ 251 ประตูจากการปรากฏตัวลงเล่นทั้งหมด 339 ครั้ง เขาเล่นให้กับ Perlis FA ในมาเลเซียก่อนเข้าร่วมสโมสรอังกฤษ Huddersfield Town ในปี พ.ศ. 2542 ซึ่งผู้จัดการสตีฟ บรูซในตอนนั้นคิดว่าเป็นเพียงประชาสัมพันธ์

หลังจากหนึ่งฤดูกาลผ่านไปซึ่งเขาไม่ได้มีบทบาทสำคัญในทีมจึงออกจากทีมและกลับมาเล่นที่ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2539 ในขณะที่เล่นให้กับสโมสรกีฬาราชประชา ทำประตูได้ 127 ประตูจาก 71 เกม ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ต่อมาเข้าร่วมทีม Singapore Armed Forces ซึ่งเขายิงได้ 15 ประตูจาก 20 เกม ในเดือนมีนาคมปี พ.ศ. 2545 เขาย้ายอีกครั้งเพื่อไปเล่นให้กับเวียดนามใน Hoàng Anh Gia Lai สุดท้ายเขาได้กลับมาเล่นให้ทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ จนกระทั่งปี พ.ศ.2557 ได้นั่งแท่นเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย

ปีเตอร์ วิธ (Peter Withe)

ปีเตอร์ วิธ เป็นชาวอังกฤษเกิดเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2494 ที่ลิเวอร์พูล เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษที่เก่งคนหนึ่ง และเล่นเป็นกองหน้าระหว่างปี พ.ศ. 2514 และ พ.ศ. 2533 จุดเด่นของอาชีพของเขาคือการอยู่ใน แอสตันวิลล่า ซึ่งเขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในที่ช่วยคว้าชัยในฟุตบอลลีกปี พ.ศ. 2523 – 2524 ถือเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ทำให้ทีมชาติไทยสามารถทัดเทียมกับทีมอื่นๆในต่างประเทศ ปีเตอร์ได้มาเป็นโค้ชให้กับทีมชาติไทยเป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 – 2545

ผลงานของเขาทำให้ทีมชาติไทยสามารถเอาชนะ ไทเกอร์คัพ ได้ 2 ครั้ง และยังเป็นคนที่พาทีมเข้ารอบสุดท้ายในกีฬาอาเซียนเกม น่าเสียดายที่เขาต้องออกจากการเป็นโค้ชเพราะเหตุผลเล็กน้อย เนื่องจากสมาคมต้องการให้เขาใส่ชุดที่ดูเป็นทางการ หรือ “ชุดสูท” แต่อย่างที่ทุกคนรู้ดีว่าในสนามฟุตบอลนั้นมันร้อนจะตาย ใครมันจะบ้าใส่ชุดสูทเดินไปมา สุดท้ายแล้วเขาก็ได้ถูกต่างประเทศชักชวนไปร่วมงาน ปัจจุบันนี้ได้เป็นผู้จัดการทีมให้กับ ปตท.ระยอง


ประวัติความเป็นมาของ อูเล กืนนาร์ ซูลชาร์ ก่อนมาเป็นโค้ช

วันนี้เราจะพาไปดูประวัติความเป็นมาของชายคนหนึ่ง ที่ประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอลอย่างมาก “อูเล กืนนาร์ ซูลชาร์” ซึ่งเป็นเรื่องราวชีวิตก่อนที่เขาจะได้มายืนอยู่ตรงนี้ได้ เขาเกิดเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 1973 มีมารดาชื่อ Brita Solskjaer และบิดาชื่อ Oivind Solskjaer มีบ้านเกิดอยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ ครอบครัวของครับถือว่ามีฐานะพอสมควร สมาชิกครอบครัวแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักกีฬากันทั้งนั้น ช่วงเวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็กมักจะอยู่ในเกาะเล็กๆที่เรียกว่า Kristiansud ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของนอร์เวย์

พ่อของเขาเป็นถึงแชมป์มวยปล้ำ Greco-Roman ของประเทศนอร์เวย์ติดต่อกัน 5 ปีซ้อน ถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในยุค 60 โดยเขาคิดว่าจะให้ลูกชายเดินตามเส้นทางความฝันแบบเดียวกับพ่อ แต่กลับกลายเป็นว่ากีฬามวยปล้ำนั้นเป็นอะไรที่ไม่เหมาะกับอูเลเลย เขาใช้เวลากว่า 3 ปี เพื่อที่จะฝึกเล่นมวยปล้ำแต่ก็ยังห่างชั้นกับคำว่าสำเร็จที่ผู้เป็นพ่อได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้

แต่ดูเหมือนว่าอูเลของเรานั้นจะสู้ไม่ถอยเลย ทำให้ผู้เป็นพ่อเกิดสงสารและเกลี่ยกล่อมให้เขาเลิกเล่นมวยปล้ำที่เขารัก แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้เป็นอย่างเดียวที่เขาชอบ เพราะมีอีกอย่างหนึ่งที่เขาชื่นชอบและหลงรักคือ “ฟุตบอล” อูเลชอบที่จะดูฟุตบอลผ่านทีวีที่บ้านทุกคืน ทำให้ความหลงใหลในกีฬาชนิดนี้เพิ่มมากขึ้น พอตกเย็นของทุกวันเขาก็มักจะออกไปเล่นในสนามใกล้บ้าน มันใช้เวลาเพียงไม่นานที่ครอบครัวจะเริ่มสังเกตุและหันมาสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ทำให้เขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพียงเวลาไม่กี่ปี

การเริ่มเข้าวงการฟุตบอลครั้งแรก

อูเลเริ่มฉายแววนักเตะด้วยวัยเพียง 8 ปี ด้วยการเข้าร่วมสโมสร Clausenengen ซึ่งเป็นสโมสรเล็กๆประจำเมือง ขึ้นชื่อในเรื่องการปั้นนักเตะดาวรุ่งหน้าใหม่ แต่เพียงเข้ามาไม่กี่วันเขาก็เริ่มโดนดูถูกว่าจะไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพ เพราะขนาดตัวของเขาที่เล็กกว่าคนอื่น กระทั่งเวลาผ่านไปหลายปีเขาเริ่มออกกำลังกายอย่างจริงจัง เพิ่มน้ำหนักตัวขึ้นเรื่อยๆจนลบคำสบประมาทได้สำเร็จ หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มเล่นเป็นอาชีพอย่างจริงจัง ในปี จนกระทั่งได้มาเล่นให้กับยูไนเต็ดจนทำ 18 คะแนนในพรีเมี่ยร์ลีก แถมยังถูกตั้งฉายาว่า “นักฆ่าหน้าเด็ก” อย่างไรก็ตามสมาชิกทีมมักจะจดจำเขาในฐานะ “ซูเปอร์ซับ” มากกว่า ในขณะที่เขาเล่นหักับทีมยูไนเต็ด อูเลก็อาศัยอยู่ใน Bramhall กับภรรยาสาวของเขา ซิลญ่า และมีลูกสุดน่ารักสามคน ได้แก่ โนอา คาลนา และเอไลจาห์


เปิดประวัติทีมชาติไทยยุคดรีมทีม

ชุดดรีมทีมเป็นชุดฟุตบอลทีมชาติไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในอดีต ภายใต้การนำของ “บิ๊กหอย” ถือเป็นทีมฟุตบอลทีมชาติไทยได้แชมป์ซีเกม ที่ประเทศสิงค์โปร ในปี พ.ศ.2536 ถือว่าสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยภายในดรีมทีมประกอบไปด้วยนักฟุตบอลฝีมือดี มีชื่อเสียงมากมาย อย่างเช่น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง (ซิโก้) ที่ปัจจุบันก็เป็นถึงอดีตผู้จัดการทีมฟิตบอลทีมชาติไทยเช่นกัน วันนี้จะพามาดูประวัตินักเตะดาวรุ่งที่ประสบความสำเร็จในชุดดรีมทีมกันว่ามีใครกันบ้าง

1.ดุสิต เฉลิมแสน

เป็นนักฟุตบอลถนัดซ้ายที่มีชื่อเสียงอย่างมากในดรีมทีม เป็นถึงผู้เล่นไทยคนแรกที่ได้เข้าไปเลนใน I-League ของประเทศอินเดีย สถิติลงเล่นให้ทีมชาติ 124 เกม ทำประตูไปได้ทั้งหมด 14 ปัจจุบันนี้เป็นหัวหน้าฝึกสอนของสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส

2.เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

ทุกคนรู้จักกับ “ซิโก้” คนนี้กันดี ว่าเมื่อเขาลงสนามจะมีความบ้าพลัง และความว่องไวแค่ไหน ประวัติการเล่นให้กับนอกบ้านมากมาย และสุดท้ายกลับมาเล่นให้ทีมชาติไทยในชุดดรีมทีม ในฐานะกองหน้า ถือว่าเป็นผู้เล่นที่เก่งและประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่ง ได้รับรางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็นในฐานะนักเตะ และผู้จัดการทีม ปัจจุบันนี้ซิโก้ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเป็นผู้จัดการทีมการท่าเรือ

3.ธชตวัน ศรีปาน

หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่า “แบน” มีความโดดเด่นตรงนี่เป็นคนใจเย็น ทำให้หลายคนชื่นชอบบุคลิกของเขาอย่างมาก โดยมีตำแหน่งเป็นกองกลางของทีมชาติไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 – 2551 ที่เคยยิงไปได้ 19 ประตู จากทั้งหมด 110 นัด (จากเดิมคือ 145 นัด) ก่อนหน้านี้ได้เล่นกับให้บีอีซี เทโรศาสน ในช่วงปี พ.ศ. 2550 – 2552 โดยในนัดสุดท้ายเจอกับนิวซีแลนด์ที่พาคว้าชัยไปด้วย 3 – 1 โดย 1 ใน 3 ประตูเป็นของตะวันนั่นเอง ปัจจุบันนี้ดำรงตำแหน่งเป็นโค้ชผู้ฝึกสอนของสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี

ประวัติผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

นายวนัสธนา สัจจกุล หรือที่ในวงการรู้จักกันดีในชื่อ “บิ๊กหอย” เขาคนนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานอดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ที่ได้เป็นผู้ดูแลจัดการฟิตบอล “ดรีมทีม” เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2486 เริ่มศึกษาเล่าเรียนที่ “โรงเรียนสตรีวรนาถ” จากนั้นจึงเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมปลายที่ “โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย” เมื่อจบการศึกษาจึงเดินทางไปเรียนต่อที่ สถานบันเทคโนโลยีมาปัว ที่ประเทศปิลิบปินส์ ได้มีโอกาสลงเล่นเป็นนักเตะของมหาวิทยาลัย จนได้ติดทีมชาติฟิลิบปินส์ และเป็นคนที่มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะที่ส้รางฟุตบอลทีมชาติไทยดรีมทีมอย่างที่เรารู้กันดี


เรื่องราวของ จิ้งจอกสยามเลสเตอร์ ซิตี้

qfq

หลังจากที่เจ้าสัวของไทย ได้เข้าซื้อหุ้นของทีมฟุตบอลสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ นั่นทำให้วงการฟุตบอลไทย,อังกฤษ และ https://www.sbobet24hr.com ค่อนข้างฮือฮากันพอสมควรเลย แถมพอซื้อแล้วผลงานของเลสเตอร์ซิตี้ ยังพุ่งพรวดจนกลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีคที่ต้องจดจำไปอีกนานแสนนานสำหรับตำนานบทนี้เลยก็ว่าได้ แต่รู้หรือไม่ว่า เลสเตอร์ ซิตี้เองก็มีตำนานอีกหลากหลายบทด้วยกันไปดู

จุดเริ่มต้นของเลสเตอร์ ซิตี้

ต้นกำเนิดของเลสเตอร์ ซิตี้ แม้ว่าจะเป็นการรวมตัวของคนรักฟุตบอลเหมือนกับสโมสรอื่นแต่กลับมีรายละเอียดแตกต่างกัน สโมสรแห่งนี้เกิดจากการรวมตัวของนักเรียนอาวุโสของโรงเรียน Wyggeston and Queen Elizabeth I college แรกเริ่มพวกเค้าใช้ชื่อทีมว่า เลสเตอร์ ฟอสส์ เอฟซี สโมสรแห่งนี้ก่อตั้งในเมือง เลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ

การผจญภัยของ จิ้งจอกสยาม

เลสเตอร์ เป็นสโมสรฟุตบอลที่ไม่ได้มีความพร้อมมากมายนัก ทำให้พวกเค้าต้องผจญภัยขึ้นลงทั้งในดิวิชั่น 1 ที่เป็นลีคสูงสุดในขณะนั้น และดิวิชั่นรองลงไป พวกเค้ามีช่วงเวลาอันน่าจดจำในยุคของ บลูมฟิลด์ และอีกครั้งในยุคของ มาร์ติน โอนีล แต่พวกเค้าก็ต้องมีช่วงเวลาไม่น่าจดจำด้วยในปี 2002 แม้จะย้ายสนามใหม่ก็จริงแต่ผลงานในสนามใหม่ฟอร์มดิ่งรูดลงไปเรื่อยจนไปสู่ระดับดิวิชั่น 3 ในปี 2008-2009

จากวิกฤติเป็นโอกาส

จากผลพวงของการตกต่ำยาวไปถึงดิวิชั่น 3 ในปี 2009 นั่นคือวิกฤติอย่างแท้จริงเลยทำให้บอร์ดบริหารต้องหาทางดึงกลุ่มทุนเข้ามาเพื่อยกระดับทีมให้สู้กับทีมอื่นได้ แล้วกลุ่มทุนจากบริษัท คิง เพาเวอร์ ประเทศไทยคือกลุ่มทุนนั้น การเข้าไปของกลุ่มทุนอย่างแรกคือการขยายสนามเหย้าให้เป็น 32,500 ที่นั่งกับเปลี่ยนชื่อสนามใหม่ว่า คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม

ตำนานเทพนิยายบทใหม่ของพรีเมียร์ลีค

หลังจากได้กลุ่มทุนเข้ามา เลสเตอร์ โฉมใหม่ก็ได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆโดยตั้งเป้าขึ้นสู่พรีเมียร์ลีคให้ได้ สุดท้ายพวกเค้าก็ทำสำเร็จในปี 2014 แต่การอยู่รอดในพรีเมียร์ลีคนั้นไม่ง่าย ฤดูกาล 2014-2015 พวกเค้าต้องดิ้นรนอย่างหนักมากเพื่ออยู่รอดในพรีเมียร์ลีคให้ได้ แล้วพวกเค้าก็ทำได้แบบเหลือเชื่อจากผลงานคว้าชัยชนะถึง 7 เกมจาก 9 เกมสุดท้าย จากความยอดเยี่ยม ใจสู้ พวกเค้าต่อยอดความสำเร็จได้อีกครั้งในปี 2015-2016 พวกเค้าเล่นด้วยความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ นักเตะหลายคนเข้าสู่ช่วงพีคของอาชีพนักเตะ จนสุดท้ายพวกเค้าสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคไปได้แบบหักปากกาเซียนทั่วโลกจนกลายเป็นตำนานบทใหม่ของฟุตบอลสมัยใหม่ อีกทั้งพวกเค้ายังทำได้ดีในเวที UCL ฤดูกาลถัดไปแม้ว่าจะเข้าร่วมเป็นครั้งแรกอีกด้วย


ปารีส แซงต์ แชร์กแมง มหาอำนาจลูกหนังเมืองน้ำหอม

บรรดาลีคใหญ่ทั้ง 5 ลีคของยุโรปนั้น ลีคเมืองน้ำหอม ฝรั่งเศสดูจะเป็นลีคที่คอลูกหนังบ้านเราไม่ค่อนสนใจเท่าไรนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าทีมในลีคและนักเตะนั้นไม่ค่อยดึงดูดเท่าไร อีกทั้งทีมในฝรั่งเศสเน้นการพัฒนานักเตะในประเทศมากกว่า อย่างไรก็ตามมีอยู่ทีมหนึ่งที่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดดขึ้นมานั่นคือ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

ต้นกำเนิดของ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง

การก่อตั้งสโมสรแห่งนี้ มีจุดเริ่มต้นน่าสนใจเพราะมันเกิดจากการควบรวมกิจการสองอย่าง ระหว่างฟุตบอลสโมสรฟุตบอลปารีส กับ สนามกีฬาชื่อว่า สตาดแซ็ง แฌร์แม็ง เลยรวมกันเป็นสโมสรชื่อว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแมง นั่นเอง อีกหนึ่งเหตุผลของการควบรวมสโมสรแห่งนี้ เพราะว่าผู้คนในเมืองหลวงต้องการจะเห็นทีมของเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง โดยการควบรวมสโมสรแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 1970 หลังจากไต่เต้ามาสักพักทีมเมืองหลวงก็สามารถปีนขึ้นมาอยู่ลีคสูงสุดของประเทศได้ในที่สุด

การคว้าแชมป์ของทีม

หลังจากก่อตั้งสโมสรแล้ว พวกเค้าก็ต้องใช้ความพยายามอยู่นานทีเดียวกว่าจะได้แชมป์ใบแรกแบบเป็นทางการในฤดูกาล 1981-1982 จากการแข่งขันรายการ กุปเดอฟรองส์ ส่วนแชมป์บอลลีคก็มาได้ในฤดูกาล 1985-1986 จากนั้น ปารีส ก็ได้ไปลุยฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก หลังจากนั้นพวกเค้าก็พัฒนาตัวเองเรื่อยมาแต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งห่างทีมอื่นในลีคเท่าไร แพ้บ้าง ชนะบ้าง ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก

สัญญาณการพัฒนาแบบก้าวกระโดด

เข้าสู่ช่วงปี 1991 ทีมฟุตบอล ปารีส แม้ว่าจะต้องการพัฒนาตัวเองเพื่อเข้าสู่ความสำเร็จแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนักส่วนหนึ่งเนื่องจากขาดกลุ่มทุน แต่แล้วก็มีบริษัทชื่อว่า canal+ เข้ามาซื้อหุ้นของสโมสรเพื่อนำเม็ดเงินเข้ามายกระดับทีม จนทำให้ทีมประสบความสำเร็จมากมายทั้งภายในประเทศ และนอกประเทศโดยเฉพาะอย่างหลัง พวกเค้าสามารถสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ยูฟ่าคัพวินเนอร์คัพ (หรือชื่อยูฟ่าคัพในปัจจุบัน) ในปี 1996 ด้วยการเอาชนะทีม ราปิด เวียนนาไปได้ 1-0

การเข้ามาของกลุ่มทุนยักษ์

หลังจากที่บรรดาทีมใหญ่ในยุโรป กำลังเนื้อหอมกลายเป็นแหล่งทำธุรกิจใหม่ของบรรดาเศรษฐีนักธุรกิจทั่วทุกมุมโลก ทีมจากฝรั่งเศสอาจจะไม่ค่อยมีคนมองเห็นเพื่อเข้าซื้อมากนัก จนกระทั่งปี 2011 ได้มีกลุ่มทุนจากกาตาร์ นำโดย นายนาสเซอร์ อัลเคไลฟี นักธุรกิจสัญชาติกาตาร์เป็นผู้นำในการเข้าซื้อครั้งนี้ เมื่อการเจรจาซื้อขายสิ้นสุดลงก็ทำให้ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมนี้กลายเป็นทีมเงินหนามากสุดทีมหนึ่งในยุโรปไป ดีลระดับโลกต่างเกิดขึ้นด้วยฝีมือของพวกเค้าทั้งนั้น อย่างล่าสุด ดีลการซื้อเนย์มาร์ มาจากบาร์เซโลน่าด้วยค่าตัว 222 ล้านยูโร หรือประมาณ 8,880 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นดีลสถิติโลกไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว


ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะจากต่างดาว

ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะจากต่างดาว

สำหรับคนที่ดูฟุตบอลแล้วมักจะมีประโยคคลาสสิคหนึ่งว่า เราโชคดีที่เคยเห็นนักเตะคนนี้เล่นในสนาม ซึ่งแต่ละยุคก็จะพูดถึงนักเตะแตกต่างกันไปอย่างยุคก่อนก็ต้อง เปเล่, มาราโดน่า, เบคเค่นบาวเออร์, แกรี่ ลินิเกอร์ เป็นต้น แต่หากเป็นยุคปัจจุบันย้อนหลังไปไม่เกิน 10 ปีก็ต้องใช้ประโยคนี้กับนักเตะที่มีชื่อว่า โรนัลโด้ และ เมสซี่ แน่นอนวันนี้เราจะไปอ่านเรื่องราวของเค้ากัน มาดูกันว่าเค้าเป็นนักเตะจากนอกโลกจริงหรือเปล่า

ลงสนามครั้งแรกของ เด็กชาย เมสซี่

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก เมสซี่เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1987 ณ เมืองโรซาริโอ ประเทศอาร์เจนตินา เมสซี่เหมือนเกิดมาเพื่อเล่นฟุตบอลโดยแท้จริง เค้าเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ 5 ขวบโดยการผลักดันของโค้ชและพ่อในคนเดียวกันชื่อว่า กรานโดลี่ จากนั้น เมสซี่ก็ถูกพ่อของเค้าพาไปเล่นฟุตบอลในระดับสูงขึ้น สโมสรใหญ่กว่าเดิม ซึ่งนั่นคือทีม นีเวลล์ส โอลด์บอย ทีมระดับสูงสุดของอาร์เจนตินาในสมัยนั้น

อุปสรรคใหญ่หลวงทางด้านร่างกาย

การเล่นเกมฟุตบอลนั้น การเข้าปะทะเป็นเรื่องจำเป็นและต้องเจออยู่ตลอดเวลานั่นทำให้ร่างกายต้องมีความสูงใหญ่ แข็งแรงเพื่อทนแรงปะทะและเบียดคู่ต่อสู้ได้ แต่โชคร้าย เมสซี่ เค้ากลับต้องเจอสภาวะขาดฮอร์โมนเจริญเติบโตนั่นทำให้เค้าไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่ตามวัยอันควร จนทำให้ประตูสู่นักฟุตบอลอาชีพของเค้าเกือบถูกปิดลงแล้ว(ไม่มีอยากรับคนตัวเล็กไปเล่นด้วยเพราะสรีระสู้ไม่ได้) แต่เหมือนพระเจ้าทรงเมตตา ความสามารถของเค้ากลับไปเข้าตาแมวมองของบาร์เซโลน่าเข้าอย่างจังจนทำให้ ทีมงานบาร์ซา รีบติดต่อซื้อตัวมาโดยด่วนแม้ว่าจะต้องจ่ายค่ารักษาเพื่อเพิ่มฮอร์โมนก็ตามแต่ การ์เลส เรซัค ผู้ค้นพบเมสซี่ก็ยืนยันว่า เป็นการลงทุนอันคุ้มค่าแน่นอน

เมสซี่ นักเตะจากต่างดาว

เมื่อ เมสซี่ ได้รับการฝึกฝนวิชาลูกหนังจากโรงเรียนลูกหนังระดับเยาวชนที่ดีที่สุดในโลกแห่งหนึ่งคือ ลามาเซีย (ศูนย์เยาวชนของบาร์เซโลน่า) นั่นก็ทำให้เค้าฉายแสงออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมสซี่ สามารถขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ตั้งแต่อายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้นเอง เมื่อเค้าได้ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่แล้ว ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเค้าได้อีก แม้ว่าสรีระของเค้าจะเล็กกว่านักเตะฝ่ายตรงข้าม แต่ความคล่องตัว ปราดเปรียว ว่องไว ก็ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถดักทางเมสซี่ได้แม้จะต้องทำฟลาว์ก็ตาม เมสซี่ได้แชมป์กับบาร์เซโลน่ามากถึง 30 รายการเลยทีเดียว จนทำให้สื่อต่างขนานนามเค้าว่า นักเตะจากต่างดาว ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่าจะอีกกี่สิบปีจะเกิดอัจฉริยะลูกหนังแบบนี้ขึ้นมาอีก


บาร์เซโลนา ฟุตบอลมากกว่าฟุตบอล

บาร์เซโลนา ถือว่าเป็นสโมสรฟุตบอลอีกแห่งหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมาก พวกเค้าต้องต่อสู้ทั้งในสนามและนอกสนาม จนทำให้สโมสรแห่งนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสร์มากมาย จะเรียกได้ว่า สโมสรแห่งนี้เป็นมากกว่าสโมสรก็คงจะไม่ผิดนัก ดังนั้นเราจึงขอหยิบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าสู่กันฟังเพื่อเพิ่มอรรถรสในการเชียร์พวกเค้าในครั้งต่อไป

จุดเริ่มต้น จากการนัดพบ

จุดก่อตั้งสโมสรแห่งนี้ นับว่าเป็นเรื่องที่หากมองย้อนกลับไปคงไม่เชื่อแน่ว่าสโมสรจะเดินทางมาถึงจุดนี้ได้ ย้อนไปในปี 1899 ตอนนั้น ฌูอัน กัมเป เค้าได้ลงโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ว่าต้องการตั้งสโมสรฟุตบอล จึงประชาสัมพันธ์เพื่อรวบรวมทีมขึ้นมา ได้คนมาตอนแรก 11 คนพอดี จากนั้นก็สร้างทีมชื่อว่า ฟุตบอลคลับบาร์เซโลนา แม้ว่าจะเป็นทีมเล็กแต่พวกเค้ากลับคว้ารางวัลระดับท้องถิ่นมามากมาย ถ้วยแรกของพวกเค้าคือ ถ้วยโกปามากยา ในปี 1902

เรื่องราวทางการเมือง

สโมสรฟุตบอลคลับบาร์เซโลนานั้นไม่ได้มีแรงสนับสนุนจากทางภาครัฐทำให้พวกเค้าต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้สโมสรเดินหน้าต่อไป ยังดีสโมสรนี้มีสมาชิกหนุนหลังอยู่มากทำให้สโมสรเดินต่อไปได้ อย่างไรก็ตามสโมสรแห่งนี้ก็ได้เจออุปสรรคใหญ่หลวงเลยนั่นคือ การเมือง เนื่องจากแฟนบอลบางส่วนได้มีการเข้าร่วมการต่อต้านเผด็จการของ มีเกล เด รีเบรา และการมองว่าตัวเองคือชาว คาตาลัน ไม่ได้เป็นชาวสเปน ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสเปน ทำให้สโมสรโดนลงโทษจากทางภาครัฐหลายครั้ง ยังไม่นับการเล่นนอกเกม นอกสนามจากทางภาครัฐด้วย บวกกับนักเตะหลายคนโดนเรียกตัวเป็นทหารเพื่อต่อสู้กับการกองทัพปฏิวัติ นั่นทำให้สโมสรแห่งนี้เจียนอยู่เจียนไปเหมือนกันแต่พวกเค้าก็ผ่านพ้นมาได้ ซึ่งวิกฤติเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นโอกาสในการพัฒนาสโมสรแห่งนี้ให้กลายเป็นมืออาชีพมากขึ้น อย่างเช่นการเปลี่ยนชื่อเป็น คลับฟุตบอลบาร์เซโลนาในปัจจุบัน

บาร์เซโลน่า หลังยุคสหัสวรรษ

หลังจากขับเคี่ยวความยิ่งใหญ่กับรีล มาดริดมาโดยตลอด พอเข้าสู่ยุคสหัสวรรษใหม่ บาร์เซโลน่า ก็เดินมาถึงจุดสำคัญอีกครั้ง หลังจากพวกเค้าเสีย หลุยส์ ฟิโก้ให้กับรีล มาดริดไป บาร์เซโลน่ามีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งคราวนี้ โจน ลาปอร์ตา นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเข้ามาบริหารทีม หนึ่งในดีลสำคัญคือการดึง โรนัลดิญโญ่ นักเตะบราซิลเข้าสู่ทีม จากนั้นก็จะมีเหตุการณ์สำคัญอีกครั้งนั่นคือการเปลี่ยนผู้จัดการทีมจากเดิม แฟรงค์ ไรจ์การ์ด มาเป็น เป๊ป กวาดิโอลาร์ ผู้ที่สร้างตำนานบาร์เซโลน่าด้วยสไตล์การเล่นบอลแบบเท้าต่อเท้า ให้กลายเป็นทีมเก่งกาจจนถูกขนานนามว่า ทีมต่างดาวในขณะนั้น นี่คือเรื่องราวของฟุตบอลคลับบาร์เซโลน่า


รีล มาดริด ราชันเหนือราชัน

หนึ่งในทีมสโมสรฟุตบอลที่เต็มไปด้วยความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและระดับทวีป มีนักเตะโด่งดังระดับโลกมากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ต้องเป็น รีล มาดริด ทีมที่มีฉายาในบ้านเราว่า ราชันชุดขาว เชื่อว่าหลายคนต้องรู้จักหรือเคยได้ยินเรื่องราวของเค้ากันมาบ้าง หากเราเป็นคนหนึ่งที่ไม่รู้จัก เราจะพาไปรู้จักพวกเค้ากัน

ต้นกำเนิดของสโมสร

ต้นกำเนิดของสโมสรอันยิ่งใหญ่แบบนี้เชื่อไหมว่า เป็นต้นกำเนิดที่ธรรมดามาก เรื่องราวของพวกเค้าเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1897 ตอนนั้นฟุตบอลกำลังเผยแพร่เข้าไปในมาดริด(เผยแพร่โดยนักวิชาการ และนักศึกษาจากเคมบริดจ์)จึงได้มีการตั้งสโมสรฟุตบอลขึ้นชื่อว่า ฟุตบอลคลับสกาย จากนั้นได้มีการแตกสโมสรออกมาเป็นสองส่วนคือ นิวฟุตบอลเดมาดริด และ คลับเอสปัญญอลเดมาดริด แล้วนิวฟุตบอลเดมาดริดก็พัฒนามาเป็นสโมสรรีล มาดริดในปี 1902

ชื่อเจ้าของสนาม รีล มาดริด

รังเหย้าของสโมสรรีล มาดริด มีชื่อว่า ซานติเอโก เบอร์นาเบว ชื่อนี้มีที่มาจากไหน คำตอบก็คือ ชื่อสนามแห่งนี้ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติให้กับท่านประธานสโมสรผู้เข้ามาลงทุนและสร้างสนามแห่งนี้ นามว่า ซานเตียโก เบอร์นาเบิว เยสเต เค้าเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานสโมสรในช่วงปี 1945 พร้อมกับการพัฒนาสนามแห่งนี้ พร้อมกับสร้างศูนย์ฝึกซ้อม ตอนนั้นเค้าลงทุนคว้าตัวผู้เล่นระดับโลกอย่าง อัลเฟรโด ดี สเตฟาโน่ เข้าสู่ทีมเพื่อคว้าความสำเร็จ

การเข้ามาของ ฟลอเรนติโน่ เปเรซ

อีกคนหนึ่งที่มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของสโมสร รีล มาดริด นั่นคือ ท่านประธานสโมสรฟลอเรนติโน่ เปเรซ ย้อนกลับไปในปี 2000 เปเรซ ได้ก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่งประธานสโมสร พร้อมกับตำแหน่งนักธุรกิจที่รวยสุดในประเทศสเปนตอนนั้น เค้าสัญญาว่าจะจัดการหนี้ของสโมสรจากนั้นจะทีมกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง โดยกลยุทธ์ของท่านเปเรซ คือการซื้อนักเตะรวมดาราระดับโลกภายใต้โค้ดลับว่า ทีมกาแลคติกอส ฮือฮาสุดคงหนีไม่พ้นการซื้อ ซีเนอดีน ซีดาน จากยูเวนตุส และ หลุยส์ ฟิโก้ มาจากบาร์ซา ทีมรักคู่อาฆาต จากนั้นก็เป็น เดวิด เบคแฮม , ราอูล และอีกมากมายโดยนักเตะทั้งหมดนี้ก็ร่วมกันสร้างความสำเร็จสู่สโมสรได้อย่างน่าชื่นชม

ซีดาน และการคว้าแชมป์

ตัดภาพกลับมาในยุคปัจจุบัน รีล มาดริด เป็นทีมหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลเลยก็ว่าได้ เนื่องจากพวกเค้าเป็นทีมแรกที่สามารถป้องกันแชมป์ UCL ได้มากถึง 3 สมัยซ้อน ด้วยการคุมทีมของ ซีเนอดีน ซีดาน นักเตะที่เพิ่งจะถูกดันขึ้นมาคุมทีมในเวลาไม่นานนัก น่าเสียดายที่เค้าขอออกจากทีมไปพร้อมกับ โรนัลโด ในซัมเมอร์ปีล่าสุด ต้องมาดูกันว่า ราชันชุดขาวในยุคสมัยใหม่จะทำผลงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน


ล้วงลึกประวัติสโมสร Manchester United แฟนตัวจริงห้ามพลาด

ล้วงลึกประวัติสโมสร Manchester United แฟนตัวจริงห้ามพลาด

Manchester United Football Club เป็นสโมสรฟุตบอลของประเทศอังกฤษ จัดเป็นสโมสรที่ได้รับประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงอีกหนึ่งสโมสร สนามเหย้ามีชื่อว่า Old Trafford ตั้งอยู่ ณ เมือง Manchester ผลงานอันโดดเด่นของทีม Manchester United ที่ผ่านมา คือ ชนะเลิศแชมป์ลีก 20 ครั้ง , ชนะFA Cup 12 ครั้ง , ฟุตบอล League cup 5 ครั้ง , ชนะ European Cup /UEFA Champions Leagueอีก 3 ครั้ง , ชนะ FA Community Shield 21 ครั้ง , ชนะ UEFA Cup Winners’ Cup , International Champions Cup , European Super Cup ,ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และ UEFA uropa league อย่างละ 1 ครั้ง โดย Manchester United เป็นสโมสรฟุตบอลที่ได้รับความนิยมจากแฟนๆเป็นอย่างสูง และมีสถิติผู้เข้าชมในสนามมากที่สุดในศึกฟุตบอลแห่งอังกฤษ 34 ฤดูกาล ยกเว้นปี 1987–1989 ด้วยสาเหตุมาจากการปรับปรุงสนาม Old Trafford นอกจากนี้ Manchester United ยังเป็นสโมสรหนึ่งในกลุ่ม G-14 อีกด้วย

Manchester United Football Club ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1870 โดยพนักงานแห่งการรถไฟกลุ่มหนึ่ง ร่วมกันก่อตั้งทีมฟุตบอลขึ้นมา ตอนแรกพวกเขาใช้ชื่อทีมว่า The Lancashire and Yorkshire Railway แค่ต่อมาก็ได้เปลี่ยนเป็น Newton Heath ในปี 1878 พวกเขาพยายามอย่างหนักเพราะต้องการเข้าร่วมฟุตบอลลีก 2 ครั้ง แต่สุดท้ายกลับล้มเหลว เนื่องจากไม่มีสโมสรใดสนใจ แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รับการยอมรับ เนื่องจากฟุตบอลลีกทำการแบ่งออกเป็น 2 Division ในเวลาต่อมาเพียงไม่นาน

เกมลีกนัดแรกในประวัติศาสตร์ของ Newton Heath ได้พ่ายแพ้ให้แก่ Blackburn Rovers ไป 3-4 แต่แล้วชัยชนะนัดแรกก็มาถึงเพียงอึดใจ พวกเขาสามารถจัดการเอาชนะ Wolverhampton Wanderers ด้วยคะแนน 10-1 แต่แล้วหลังจากนั้น ทีมก็กลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เพราะสามารถคว้าชัยชนะไปได้เพียง 6 จาก 30 นัดเท่านั้น มันส่งผลทำให้พวกเขาต้องตกไปอยู่ในอับดับสุดท้ายของตาราง แต่แล้วพวกเขาก็สามารถรอดการตกชั้นได้ เนื่องจากเอาชนะ Small Heath ไปได้ 5-2 ณ Bramall Lane stadium

แต่สุดท้ายแล้วในปีต่อมา พวกเขาก็ยังคงเล่นได้อย่างน่าผิดหวังเหมือนเดิม จึงทำให้ตกชั้นไปในที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีการยุบลีก พร้อมตั้งทีมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่ทีมก็พบปัญหาในการเข้าลีกอีกครั้ง โดยมีสาเหตุมาจากสภาพการเงินที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากนั้นพวกเขาก็ล้มละลายในปี 1902 แต่ยังดีที่มีผู้อำนวยการแห่งโรงกลั่นเบียร์นาม John davy เข้ามาร่วมลงทุนกับสโมสร ทำให้เขาควบตำแหน่งทั้งผู้อำนวยการและประธานสโมสร หลังจากนั้นทีมฟุตบอลก็เปลี่ยนชื่อกลายมาเป็น Manchester United อย่างในปัจจุบันนี้

หลังปี ค.ศ. 1991 เป็นต้น มาทางสโมสร Manchester United ได้ทำการเปลี่ยนแปลงการดำเนินกิจการมาเป็นแบบบริษัทมหาชน แต่สุดท้ายทางสโมสรก็ต้องมาเจอ นักธุรกิจชาวอเมริกันนาม Malcolm Glazer เข้ามาครอบครองอย่างไม่เป็นมิตร และสุดท้ายจึงนำสโมสรออกจากตลาดหลักทรัพย์ London ในปี ค.ศ. 2005 เป็นต้นมา


รวมผู้เล่นระดับตำนานของทีม Arsenal

รวมผู้เล่นระดับตำนานของทีม Arsenal

Arsenal Football Club เป็นสโมสรฟุตบอลที่เล่นใน Premier league จัดว่าเป็นสโมสรฟุตบอลที่ได้รับความสำเร็จมากที่สุดแห่งหนึ่งในฟุตบอลอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1886 จากความเป็นมาอันยาวนาน จึงทำให้มีนักเตะมากมายเข้ามาร่วมทีม และแน่นอนว่านักเตะบางคนถูกยกย่องให้เป็นตำนานของทีม Arsenal เรามาดูกันดีกว่าว่าจะมีใครบ้าง

David Seaman

Arsenal ดึงตัวผู้รักษาประตูคนนี้มาจากสโมสร QPR ในตอนแรก David Seaman ยังไม่ได้รับความยอมรับจากแฟนๆ เพราะตอนนั้น Arsenal มียอดผู้รักษาประตูอย่าง John lukic อยู่แล้ว แต่ David Seaman ก็แสดงความสามารถอันสุดแกร่ง จากการพาทีมคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 1990/91 โดยลูกเซฟอนสุดยอดของเขาที่เซฟลูกยิงของ Gary Lineker ,ของSpur และ Gary McAllister ของ Lead united ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของแฟนๆ ทุกคนตลอดมา

Tony Adams

เขาคือกัปตันทีมผู้สุขุมแห่งยุค Arsene wenger เขาเป็นคนนำลูกทีมคว้าแชมป์ลีก 4 สมัย ในปี 1989 – 2002 โดยในช่วงแรกนั้นการเล่นของ Arsenal ยังไม่ดีเท่ากับปัจจุบัน แถม Tony Adams ก็ถูกแฟนบอลตำหนิว่าเป็นลาโง่ ส่งผลให้พ่อแม่ของเขาเลิกชมเกมที่เขาแข่งไปด้วย และจากความโหดร้ายเหล่านี้มันทำให้เขากลายเป็นคนติดเหล้า รวมกับอาการบาดเจ็บในช่วงหลัง ทำให้เขาได้ลงสนามน้อยลงมาก จนกระทั่งต้องยุติอาชีพ 19 ปีของตัวเองลง แต่อย่างไรก็ตามความเป็นผู้นำของ Adams ก็เป็นขุมพลังสำคัญของทีมในยุคนั้น

Liam Brady

ความฉลาดของเขาเป็นที่เลื่องลือ ในยุคสมัยทศวรรษที่ 1970 เขาสามารถเลี้ยงลูกผ่านคู่แข่งได้อย่างสบายๆ อีกทั้งยังยิงประตูโดยการง้างเท้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาเป็นนักบอลถนัดซ้ายแต่กลับเล่นได้ดีทั้ง 2 เท้า ซึ่งช่วงเวลาอันตราตรึงใจ มากที่สุดของเขาในทีม Arsenal คือตอนที่ยิงลูกไซด์โค้งไปอย่างดงาม ในสนาม White Hart Lane  ช่วงคริสต์มาสปี 1978 โดยในเกมนั้นพวกเขาสามารถถล่มคู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนเหนือไปด้วยคะแนน 5-0

Patrick Vieira

Patrick Vieira ชอบมีเรื่องกับ Manchester United อยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะกับ Roy Keane พวกเขาชอบเถียงกัน ทั้งเวลาอยู่ในสนามและอุโมงค์นักเตะ จนแฟนๆเห็นกันจนชินตา เขาเป็นคนที่มีพลังงานอย่างล้นเหลือ สามารถเข้าปะทะได้ราวกำแพงเหล็ก แต่เขาก็สามารถเปิดเกมรุกให้กับทีมได้ นอกจากนี้ยังทำประตูได้เรื่อยๆ อีกด้วย ในปีสุดท้ายที่เขา ร่วมงานกับ Arsenal นั้น เขาก็ยังฝากผลงานอันน่าประทับใจเป็นการส่งท้าย นั่นก็คือการยิงจุดโทษเพื่อดับฝันของ Manchester United พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ FA Cup  ปี 2006 ไปนอนกอดได้สำเร็จ